ประโยชน์ของพริกขี้หนู

พริกขี้หนู

ลดน้ำหนัก

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Capsicum frutescens

วงศ์ : Solanaceae

 

           พริกหน้าตาเป็นอย่างไรคงทราบดีอยู่แล้ว พริกจำแนกแยกย่อยได้ประมาณ ๕๐ สายพันธุ์ แต่ละพันธุ์ก็จะมีหน้าตาแตกต่างกันไป พริกขี้หนูก็เป็นหนึ่งในนั้น พริกขี้หนูมักถูกใช้เป็นเครื่องปรุงแต่งรสอาหารให้จัดจ้าน และความจัดจ้านนี่เองที่ทำให้เด่นในเรื่องสมุนไพรนวดประคบและเป็นสมุนไพรกระตุ้นความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี รสเผ็ดนิดๆจะช่วยให้เจริญอาหาร ทำให้กินอาหารได้มากกว่าปกติ และช่วยแก้อาการคลื่นเหียนอาเจียนได้อย่างยอดเยี่ยมท่านที่มีปัญหาเรื่องปวดบวมตามกล้ามเนื้อ หรือท่านที่มีปัญหาเรื่องไขข้อ พริกขี้หนูจัดได้ว่าเป็นสมุนไพรที่ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องที่กล่าวมาได้เป็นอย่างดี เพราะส่วนต่างๆ ของพริกขี้หนูเป็นสมุนไพรที่นำมาทำลูกประคบขนานเอก หรือแม้แต่ใช้ทำเป็นน้ำมันนวดแก้ปวดเมื่อยก็ถือว่ามีสรรพคุณที่โดดเด่นไม่แพ้กัน อีกทั้งยังใช้กินเป็นยาบำรุงธาตุขับเหงื่อ ขับลม ขับเสมหะ แก้อาเจียน ช่วยกระจายเลือด

 

วิธีเข้าตัวยา

            ๑. ลูกประคบแก้อาการปวดบวมตามข้อ : ใช้ใบพริกขี้หนูประมาณ ๒ กำมือ ฉีกเป็นชิ้นเล็ก บุบพอช แบ่งออกเป็น ๒ ส่วนเท่าๆกัน ห่อแต่ละส่วนด้วยผ้าขาวบาง มัดให้แน่น ทำเป็นก้อนกลมขนาด

เท่ากำปั้นเด็ก เวลาใช้นึ่งให้ร้อน คลึงบริเวณที่ปวดบวม เมื่อลูกประคบหายร้อนก็เปลี่ยนไปใช้อีกลูก ทำสลับกันประมาณ ๑๐ นาที

            ๒. กินเป็นยาเจริญอาหาร : ใช้เม็ดพริกขี้หนูประมาณ ๑๐ - ๑๕ เม็ด ผ่าครึ่งแคะเอาเมล็ดออกให้หมด ตำจนแหลก ผสมกับน้ำผึ้ง กินก่อนอาหารประมาณ ๑๐ - ๑๕ นาที จะช่วยให้เจริญอาหาร สูตรเดียวกันนี้ใช้เป็นยาแก้คลื่นไส้อาเจียนได้เช่นกัน

            ๓. ยาทาแก้กลากเกลื้อน : ใบพริกขี้หนูสดประมาณ ๑๕ - ๒๐ ใบ ตำพอช ใช้ขย้ำบริเวณที่เป็นโรคผิวหนัง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที

 

สรรพคุณเด่นของพริกขี้หนู

            ในปัจจุบันมีการสกัดสารจากพริกเพื่อนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการลดน้ำหนัก นั่นคือ “สารแคปไซซิน” เพราะมีสรรพคุณช่วยเร่งการเผาผลาญแคลอรีของร่างกาย และเจ้าสารแคปไซซินนี่เองที่ทำให้พริกมีรสชาติเผ็ด ยิ่งเผ็ดร้อนเท่าไรแสดงว่ามีแคปไซซินมากเท่านั้นพริกขี้หนูที่เลื่องชื่อลือชาในความเผ็ดร้อนก็เพราะมีสารแคปไซซินอยู่มากนั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้น สารแคปไซซินยังช่วยในเรื่องระบบโลหิตช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผนังหลอดเลือดกระตุ้นการทำงานของหัวใจ ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ และลดการเกิดหลอดลมอักเสบเวลาที่พริกสัมผัสกับผิวหนังจะรู้สึกว่าแสบร้อน เราจึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะสัมผัสพริกโดยตรง แต่ในส่วนนี้เราสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ คือนำมาใช้กระตุ้นเวลาที่เกิดตะคริว โดยการนำเม็ดพริกมาแคะเอาเมล็ดออกให้หมด ใช้แต่ส่วนที่เป็นเนื้อพริกขยำให้ละเอียดแล้วนวดบริเวณที่เกิดตะคริว สูตรนี้ยังใช้แก้อาการปวดเมื่อยตามข้อได้ด้วย สำหรับคนที่แพ้ง่ายเวลาที่ถูกพริกมักเกิดอาการระคายเคืองจนแสบร้อน อาจจะผสมวาสลีนทาผิว หรือผสมโยเกิร์ตลงไปด้วยก็ได้ จะช่วยลดอาการระคายเคืองได้เป็นอย่างดี

 

Reference: 

1.หนังสือสุดยอด108สมุนไพรไทย

2. www.kapook.com 

 

รายการล่าสุดที่คุณดู
Visitors: 5,733,929