น้ำผึ้ง(Honey)

        น้ำผึ้ง เป็นอาหารที่ให้ความหวานซึ่งได้มาจากดอกไม้ผ่านตัวผึ้ง น้ำผึ้งจะหมายถึงการผลิตโดยผึ้งน้ำหวานในสายพันธุ์ที่เรียกว่า Apis ซึ้งผึ้งในสายพันธุ์นี้ให้น้ำหวานให้คุณภาพสูง น้ำผึ้งมีประวัติเกี่ยวข้องกับมนุษย์มายาวนานตั้งแต่โบราณ มนุษย์ให้เป็นสารให้ความหวานทั้งให้อาหารและเครื่องดื่ม น้ำผึ้งจะมีรสชาติต่างกันตามความหวานที่ได้มา

       การที่จะได้น้ำผึ้งมาก ผึ้งน้ำหวานจะเปลี่ยนน้ำต้อย(น้ำหวานที่หล่ออยู่ในดอกไม้ เกิดจากต่อมน้ำหวานซึ่งพบได้ที่โคนของกลีบดอก)เป็นน้ำผึ้งด้วยการขย้อน และเก็บไว้ในรังผึ้ง และจะปิดด้วยขึ้ผึ้ง โดยขี้ผึ้งจะได้มาจากการสร้างจากเศษเกสรดอกไม้และน้ำเมือก

คุณค่าทางโภชนาการ

        น้ำผึ้งได้ความหวานจากมอโนฉซ้กคาไรด์ ฟรุกโทสและกลูโคส ซึ้งมีรสชาติพิเศษแต่ต่างจากน้ำตาล จึงทำให้บางคนหล่งไหลในน้ำผึ้งจุลินทรีย์ส่วนมากไม่เจริญเติบโตในน้ำผึ้งเพราะมีแอกติวิตีของน้ำ ต่ำอยู่ที่ 0.6 ในบางครั้งน้ำผึ้งมี แบคทีเรียClostridium botulinumซึ่งมีเอนโดสปอร์ระยะพักตัวอยู่ และอาจเป็นอันตรายให้เจ็บป่วยหรือถึงแก่ชีวิตในเด็กทารก ซึ่งน้ำผึ้งไม่แนะนำให้ทารกรับประทาน

          ผลการวิเคราะห์น้ำผึ้ง มีสารดังต่อไปนี้

             ฟรุกโทส                  38.2%

              กลูโคส                    31.3%

              มอลโทส                    7.1%

              ซูโครส                      1.3%

               น้ำ                        17.2% 

               น้ำตาลสูงกว่า              1.5%

               เถ้า                        0.2%

               อื่นๆ/ไม่กำหนด           3.2%

ค่าดัชนีน้ำตาลอยู่ระหว่าง 31 ถึง 78 แล้วแต่ชนิด น้ำผึ้งมีความหนาแน่นราว 1.36 กิโลกรัม ต่อลิตร

(หนาแน่นกว่าน้ำ  36% )

ทางด้านการรักษา

    ประเทศไทย

         น้ำผึ้ง ตามแผนการรักษาจะใช้น้ำผึ้งมาเพื่อปรุงรสชาติ เพราะยาสมุนไพรส่วนมากจะมีรสชาติฝาดและขม มากไปกว่านี้น้ำผึ้งยังมีสรรพคุณบำรุงธาตุ ปวดเอว ทำให้แห้ง บำรุงกำลัง แก้ปวดหลัง ใช้ทำยาอายุวัฒนะตามความเชื่อโบราณ น้ำผึ้งเดือน 5 จะเป็นน้ำผึ้งที่ดีที่สุดเพราะเป็นช่วงหน้าร้อน อากาศแห้งทำให้น้ำที่อยู่ในน้ำผึ้งมีน้อย จึงได้น้ำผึ้งที่มีความเข้มข้นสูง

     ประเทศจีน

          ภาษาจีน แต้จิ๋ว เรียกน้ำผึ้งว่า พังบิ๊ก เป็นยาบำรุงร่างกาย ช่วยระบบขับถ่าย บำรุงลำไส้ ช่วยขับสารพิษ ลดความร้อนในร่างกาย บรรเทาอาการเพลีย และน้ำผึ้งจะมีรสชาติหวาน ชุ่มคอ และใช้ผสมยาทานน้ำผึ้งเป็นประจำ น้ำผึ้งจะไปเคลือบลำไส้ ช่วยขับถ่าย สำหรับคนที่มีปัญหาท้องผูก กากอาหารที่ทานเข้าไปจะรวมตัวเป็นก้อนและขูดผนังลำไส้อาจทำให้ลำไส้เป็นแผลได้ ซึ่งถ้าทานน้ำผึ้งเป็นประจำ น้ำผึ้งจะช่วยป้องกันลำไส้เราไม่ให้เป็นแผลได้ง่าย    

6 สูตรหมักผมสวยด้วยน้ำผึ้ง

       1. หมักผมด้วยน้ำผึ้ง + ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) เริ่มที่สูตรแรกที่ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่นำไข่แดงมา 2 ฟอง แล้วใส่น้ำผึ้งลงไป 3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นผสมให้เข้าจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาชโลมให้ทั่วศีรษะ

 หมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จากนั้นสระผมตามปกติ ทำแบบนี้สัก 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์ รับรองว่าผมที่เสียๆ จะหายไป กลับกลายเป็นผมสวยสุขภาพดีนุ่มลื่นมีน้ำหนักอย่างแน่นอน

       2. หมักผมด้วยน้ำผึ้ง + เบบี้ออยล์ + ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) หมักผมด้วยน้ำผึ้งสูตรนี้ก็ไม่ได้ยากอะไรเพียงแค่เพิ่มส่วนผสมอย่างเบบี้ออยล์เข้ามา ซึ่งก็หาซื้อได้ง่ายมีขายทั่วไป วิธีทำเพียงแค่นำไข่แดง 

2 ฟอง น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ และเบบี้ออยล์ 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมให้เข้ากัน แล้วนำไปชโลมให้ทั่วศีรษะ หมักทิ้งไว้ประมาณ 40 นาที แล้วจึงล้างออกและสระผมตามปกติ ทำ 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ใครที่อยากมีผมดกดำเงางามต้องลองสูตรนี้

       3. หมักผมด้วยน้ำผึ้ง + น้ำมะนาว + น้ำอุ่น สูตรนี้เป็นอีกสูตรที่บำรุงเส้นผมได้ดีไม่แพ้สูตรอื่นๆ โดยการนำน้ำอุ่นมาประมาณ 4 ถ้วยตวง แล้วเติมน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวลงไปอย่างละ 1 ช้อนชา 

จากนั้นนำไปชโลมให้ทั่วศีรษะ หมักทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด หมักผมด้วยน้ำผึ้งสูตรนี้ช่วยในการล้างสารพิษให้เส้นผมที่ต้องเจอมลภาวะมามากๆ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผมเงางามอีกด้วย

       4. หมักผมด้วยน้ำผึ้ง + น้ำเปล่า สูตรนี้ง่ายมาก ถ้ารู้ว่าผมสวยด้วยวิธีง่ายๆ แบบนี้ ทำมาตั้งนานแล้ว เพียงแค่นำน้ำเปล่ามาประมาณ 2 แก้ว ผสมกับน้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ คนให้ทั้งสองอย่างละลาย

และเข้ากันดีจากนั้นนำไปชโลมให้ทั่วศีรษะ หมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วจึงล้างออกให้สะอาด รับรองผมไม่แห้งเสียงอีกต่อไป เตรียมสะบัดผมพลิ้วสวยโชว์ได้เลย

        5. หมักผมด้วยน้ำผึ้ง + ว่านหางจระเข้ สูตรนี้ใครที่อยากมีผมสวยจนใครๆ ก็ต้องอิจฉาฟังให้ดี นำน้ำผึ้งมาผสมกับวุ่นใสๆ ของว่านหางจระเข้ กะส่วนผสมให้พอชโลมศีรษะ แล้วผสมทั้งสองอย่างให้

เข้ากันดี แล้วนำไปชโลมให้ทั่วศีรษะ หมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด หมักผมด้วยน้ำผึ้งสูตรนี้มีเคล็ดลับนิดหนึ่งว่าส่วนผสมนั้นถ้าผสมกันไว้ล่วงหน้าสัก 3 วัน ก่อนนำมาใช้จะดีมาก

        6. หมักผมด้วยน้ำผึ้ง + กล้วยหอมสุก + ไข่ไก่ (เฉพาะไข่ขาว) + โยเกิร์ต (รสธรรมชาติ) + น้ำมันมะกอก สูตรนี้ส่วนผสมมากหน่อย แต่ความสวยคือการลงทุน เพราะฉะนั้นเตรียมส่วนทุกอย่างดังนี้

น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ กล้วยหอมสุก 2 ลูก ไข่ขาว 1 ฟอง โยเกิร์ต 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ เททุกอย่างใส่เครื่องปั่น ปั่นจนเป็นเนื้อเดียวกัน นำไปชโลมให้ทั่วศีรษะ หมักทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง แล้วจึงล้างออกให้สะอาด ผลลัพธ์ที่ได้คือผมสวยสุขภาพดี หมดปัญหาผมชี้ฟู

        ดังนั้นสาวๆ คนไหนที่อยากมีผมสวยสุขภาพดีไว้อวดให้คนอื่นอิจฉาก็ลองไปทำกันดู ใครชอบหมักผมด้วยน้ำผึ้งสูตรไหนก็เลือกเอาตามสะดวก แต่รับรองว่าทุกสูตรคุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน ของง่ายๆ แบบนี้ไม่เกินความสามารถของคุณสาวๆ ไปได้หรอก

Reference: 

https://sukkaphap-d.com/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9C%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87-%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%A5/

National Honey Board. "Carbohydrates and the Sweetness of Honey". Last accessed 1 June 2012.

http://www.cheewajit.com/highlight.asp

http://www.ku.ac.th/e-magazine/may47/know/bee.html

http://www.saranair.com/article.php?sid=6130

http://www.dss.go.th/dssweb/st-articles/files/bsp_12_2545_hunny.pdf

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87

https://www.lifealth.com/wellness/healthy-living/food-combination-foods-must-never-eat-along-honey-mj/81674/