Sinovac VS Astrazeneca

ประเทศไทยใช้ยี่ห้อไหน

ข้อดี-ข้อเสียเป็นอย่างไร

 

              จากข้อมูลในเดือนเมษายน 2564 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้อนุมัติขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด 19 ในประเทศไทยแล้ว 3 ราย คือ วัคซีนซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า

และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ขณะที่ยังมีอีกหลายบริษัทอยู่ระหว่างการยื่นคำขอขึ้นทะเบียนวัคซีน เช่น โมเดอร์นา, สปุตนิก ไฟว์, ภารัต ไบโอเทค รวมถึงซิโนฟาร์ม

          อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ในประเทศไทยยังมีการใช้วัคซีนโควิด 19 อยู่เพียง ยี่ห้อ คือ วัคซีนซิโนแวค และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยมีความแตกต่างกัน ดังนี้

 

 

 

1. วัคซีนซิโนแวค จากประเทศจีน

          เป็นวัคซีนที่นำอนุภาคเชื้อไวรัสที่ตายแล้ว (Inactivated vaccine) มาฉีดกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต่อต้านเชื้อ SARS-CoV-2 จึงค่อนข้างมีความปลอดภัย มีผลข้างเคียงน้อยกว่า เพราะใช้เทคโนโลยีเดิมที่เคยผลิตวัคซีนชนิดอื่น ๆ แต่ก็มีราคาสูงตามไปด้วยตกอยู่ที่โดสละ 200 หยวน หรือประมาณ 940 บาท


          เพื่อป้องกันโควิด 19 จะต้องฉีดวัคซีนซิโนแวค เข็ม ระยะห่างกัน 2-4 สัปดาห์ โดยมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อที่แสดงอาการตั้งแต่น้อยมาก (ไม่ต้องพบแพทย์) 50.4%, ป้องกันการติดเชื้อที่มีอาการ 65.3-91.2% (แตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ที่ทดสอบ) และป้องกันอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต 100%

          การที่ประเทศไทยเลือกวัคซีน Sinovac เป็นเพราะมีรายงานการทดลองทางคลินิกที่ชี้ว่าประสิทธิภาพโดยรวม (การทดลองฉีด ผลข้างเคียง การติดตามอาการไม่พึงประสงค์) ประสบความสำเร็จมากกว่า 90% อีกทั้งสามารถเก็บได้นานถึง ปี ในอุณหภูมิ 2-8ºC ซึ่งเป็นอุณหภูมิของตู้เย็นทั่ว ๆ ไป ซึ่งตรงนี้ส่งผลต่อดีการขนส่งและแจกจ่ายให้กับประชาชนไทยทั่วประเทศมากกว่าวัคซีนอื่น ๆ

          อย่างไรก็ตาม ข้อมูลในเดือนเมษายน 2564 ยังแนะนำให้ฉีดวัคซีน Sinovac ในผู้ที่มีอายุ 18-59 ปี เท่านั้น เนื่องจากยังไม่มีผลการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างอายุต่ำกว่า 18 ปี ขณะที่ข้อมูลการฉีดวัคซีนในผู้ที่อายุเกิน 60 ปี ยังมีจำนวนน้อย จึงไม่รู้ว่าประสิทธิผลและความปลอดภัยในกลุ่มนี้เป็นอย่างไร แต่หากในอนาคตมีข้อมูลการฉีดในผู้สูงอายุมากเพียงพอ ก็จะขยับการฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุต่อไปได้

 

2. วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศอังกฤษ

          เป็นวัคซีนของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ร่วมกับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ของประเทศอังกฤษ-สวีเดน ผลิตจากเชื้อไวรัสชิมแปนซีอะดีโน มาดัดแปลงพันธุกรรม ทำให้ไม่สามารถแบ่งตัวและก่อให้เกิดโรคในมนุษย์ แต่สามารถทำให้สร้างโปรตีนเหมือนของเชื้อ

SARS-CoV-2 ซึ่งจะไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต่อต้านเชื้อ SARS-CoV-2

          วัคซีนป้องกันโควิดของแอสตร้าเซนเนก้าจะต้องฉีด เข็ม ระยะห่างกัน 4-12 สัปดาห์ แต่องค์การอนามัยโลกแนะนำว่า ผลลัพธ์ดีที่สุดจะอยู่ที่ 8-12 สัปดาห์ ราคาต่อโดสประมาณ 66-160 บาท ซึ่งถูกกว่า Sinovac เพราะเป็นวัคซีนชนิดไวรัสเวกเตอร์ชนิดไม่แบ่งตัวหลังฉีดเป็นพาหะ ซึ่งผลิตได้ง่ายกว่า แต่อาจมีผลข้างเคียง (ที่ไม่รุนแรง) มากกว่า Sinovac

          อย่างไรก็ตาม วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ามีข้อได้เปรียบกว่าซิโนแวคตรงที่สามารถฉีดได้ในคนที่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และสามารถฉีดในผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปได้ โดยสามารถป้องกันการติดเชื้อทุกรูปแบบได้ 54.1%, ป้องกันการติดเชื้อที่มีอาการ 70.4%(62.1-90.0%) และป้องกันอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต 100%

          สาเหตุที่ประเทศไทยเลือกใช้วัคซีนจาก AstraZeneca เนื่องจากมีการทำสัญญาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตวัคซีนโควิด 19 ของ AstraZeneca ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยไทยจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจาก AstraZeneca เพื่อผลิตวัคซีน

 

Reference: https://health.kapook.com/view238330.html 

 

Visitors: 5,733,929