ประโยชน์ของมะเกลือ
มะเกลือ
ฆ่าพยาธิ
ฤทธิ์ฉกาจฉกรรจ์
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Diospyros mollis Griff.
วงศ์ : Ebenaceae
มะเกลือเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ พบตามป่าเบญจพรรณทั่วไปลักษณะต้นเป็นพุ่มกลม กิ่งก้านมีขนอ่อนปกคลุม เปลือกต้นมีสีดำใบรูปไข่แกมรูปขอบขนาน แยกเป็นต้นตัวผู้ตัวเมีย ต้นตัวผู้จะมีดอกขนาดเล็กกว่า ออกเป็นช่อสั้นๆ ประมาณ ๓ ดอก กลีบดอกสีส้มอ่อนส่วนต้นตัวเมียจะเป็นดอกเดี่ยวสีขาว ผลสุกสีเขียวแกมม่วง แต่เมื่อแห้งจะกลายเป็นสีดำ ใช้เป็นสีย้อมผ้า ใครที่เคยเห็นอาแป๊ะขี่จักรยานรับย้อมผ้าลองเข้าไปขอดูลูกมะเกลือได้ เพราะโดยมากจะใช้ลูกมะเกลือย้อม แต่ปัจจุบันนี้ผู้เขียนเองไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนัก ว่ายังมีที่ใช้ลูกมะเกลือย้อมอยู่หรือเปล่า เพราะเห็นจะใช้เป็นสีเคมีเสียมาก
มะเกลือนิยมปลูกเพื่อขายเป็นเนื้อไม้มากกว่าที่จะใช้ประโยชน์ในเรื่องอื่นๆ และนั่นก็หมายรวมไปถึงในเรื่องของสมุนไพรนี้ด้วยเช่นกันในทีแรกผู้เขียนเองก็สองจิตสองใจว่าจะแนะนำในส่วนของมะเกลือนี้ดีหรือไม่ เพราะเป็นสมุนไพรที่ต้องใช้ความชำนาญในการใช้ค่อนข้างสูงเอาการที่เดียว เพราะปัจจุบันการถ่ายพยาธิด้วยผลของมะเกลือก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก เนื่องจากมีผลข้างเคียงสูง แต่เมื่อได้ยินว่าเจ้ามะเกลือนี้หากใช้ไม่ถูกวิธีแม้ไม่ทำให้ถึงกับเสียชีวิต แต่ก็ร้ายแรงถึงขั้นตาบอดได้
วิธีเข้าตัวยา
๑. ยาถ่ายพยาธิ : ใช้ผลดิบ ๕ - ๑๐ ผล ตำให้ละเอียด ใช้ผ้าขาวบางกรองเอาแต่น้ำ ผสมหัวกะทิประมาณ ๒ ช้อนแกงต่อผลมะเกลือ๑ ผล ทำเสร็จให้กินทันที และกินให้หมดในครั้งเดียว ไม่ควรเก็บไว้ใช้ในครั้งต่อไป เพราะมะเกลือจะเปลี่ยนแปลงทางตัวยาจนก่อให้เกิดพิษ
๒. ยาแก้อาเจียน แก้คลื่นไส้ : ใช้รากมะเกลือขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย ฝนละเอียดผสมกับน้ำซาวข้าวประมาณ ๑ ถ้วยกาแฟ ดื่มแก้คลื่นไส้ แก้มวนท้อง
สรรพคุณเด่นของมะเกลือ
การใช้มะเกลือเพื่อเป็นยาฆ่าพยาธิต้องใช้ความชำนาญสูงเพราะมีข้อควรระวังค่อนข้างมาก การผสมหัวกะทิลงไปด้วยก็เพื่อว่าต้อง การให้กะทิช่วยเคลือบกระเพาะ ร่างกายจะได้ไม่ดูดซึมตัวยามากจนเกินไป ที่สำคัญเมื่อกินมะเกลือเพื่อถ่ายพยาธิเข้าไปแล้ว ต้องขับถ่ายภายในเวลาไม่เกิน ๓ ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นร่างกายจะดูดซึมตัวยาที่อยู่ในมะเกลือเข้าไปมากจนเกินไปซึ่งจะก่อให้เกิดอาการข้างเคียงได้ถ้าพ้น ๓ ชั่วโมงแล้วยังไม่ถ่าย ท่านต้องบังคับให้ถ่ายท้อง จะใช้เป็นดีเกลือ ๑ ช้อนแกงผสมน้ำอุ่น หรือกินยาระบายอ่อนๆ ก็ได้ การใช้มะเกลือเพื่อถ่ายพยาธิต้องใช้ผลดิบเท่านั้น อย่าใช้ผลสุกหรือผลแห้งที่เป็นสีดำเด็ดขาด และไม่ควรใช้ความร้อน ไม่ว่าจะเป็นการต้ม หรือการใช้น้ำร้อนในการเข้าตัวยาอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้ตัวยาออกมามากจน เกินไป และเพราะมะเกลือมีโอกาสที่จะเกิดการแพ้ได้สูง จึงห้ามใช้มะเกลือกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า ๑๐ ปี
Reference:
1.หนังสือสุดยอด108สมุนไพร